วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 18 สรุปผลการปฎิบัติงาน

-ได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานเอกสารของทางราฃการทั้งการทำหนังสือราฃการภายนอกและหนังสือราฃการภายใน
-ได้เรียนรู้ระบบว่าการทำระบบของทางราฃการนั้นต้องมีขั้นตอนต่างๆ
-ได้เรียนรู้การทำงานจริงและได้ฝึกการปฎิบัติงาน

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 17 ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 6 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 2 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 7 ครั้ง
ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 16 ระหว่างวันที่ 15 - 19 กุมภาพันธ์ 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 5 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 12 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 5 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 2 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 10 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 14 ครั้ง

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 15 ระหว่างวันที่ 8 - 12 กุมภาพันธ์ 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 6 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 2 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 7 ครั้ง
ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 14 ระหว่างวันที่ 1 - 5 กุมภาพันธ์ 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 6 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 7 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 10 ครั้ง
-ปั้มตรายางหัวหน้าฝ่ายลงในใบเสร็จรับเงินค่าสูบสิ่งปฎิกล 5 ฉบับๆละ 150 แผ่น
ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 13 ระหว่างวันที่ 25 - 29 มกราคม 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 10 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 18 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ10 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 12 ครั้ง

ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 12 ระหว่างวันที่ 18 - 24 มกราคม 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 7 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 12 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 2 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 7 ครั้ง

ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -
บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 11 ระหว่างวันที่ 11 - 15 มกราคม 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 8 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 11 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 8 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 5 ครั้ง
-ปั้มตรายางหัวหน้าฝ่ายลงในใบเสร็จรับเงินค่าเก็บขนขยะมูลฝอย 10 ฉบับๆละ150 แผ่น

ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 10 ระหว่างวันที่ 4 - 8 มกราคม 2553

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 8 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 13 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 7 ครั้ง
-ปั้มตรายางหัวหน้าฝ่ายลงในใบเสร็จรับเงินค่าสูบสิ่งปฎิกูล 5 ฉบับๆละ150 แผ่น

ปัญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 9 ระหว่างวันที่ 28 - 30 ธันวาคม 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 10 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 1 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 12 ครั้ง
ปัญหา -
การแก้ขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 8 ระหว่างวันที่ 21 - 25 ธันวาคม 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 7 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 15 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 3 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 4 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 10 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 14 ครั้ง
ปัญหา -
การแก้ขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 7 ระหว่างวันที่ 14 - 18 ธันวาคม 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 1 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 2 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 4 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 1 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 4 ครั้ง

ปํญหา -
การแก้ไขปัญหา -

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 6 ระหว่างวันที่ 8 - 11 ธันวาคม 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 6 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ11 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 1 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ7 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 12 ครั้ง

ปํญหา -
การแก้ไขปัญหา -

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 5 ระหว่างวันที่ 30 - 4 ธันวาคม 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 7 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 12 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 7 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 12 ครั้ง

ปํญหา โทรศัพท์ติดต่อแต่คนที่ไม่อยู่
การแก้ไขปัญหา จดเบอร์และฃื่อคนที่ติดต่อไว้ให้พี่เค้าโทรกลับ

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 4 ระหว่างวันที่ 23 - 27 พฤศจิกายน 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 6 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 14 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 3 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 10 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 14 ครั้ง

ปํญหา -
การแก้ไขปัญหา -

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 - 20 พฤศจิกายน 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)
-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 1 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 2 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 4 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 1 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 4 ครั้ง

ปํญหา -
การแก้ไขปัญหา -

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันที่ 9 - 13 พฤศจิกายน 2552


สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)

-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ

-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ

-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 3 ฉบับ

- ส่งแฟกซ์ 3 ฉบับ

-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 3 ครั้ง

-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 3 ครั้ง

-ปั้มตรายางหัวหน้าฝ่ายลงในบิลใบเสร็จรับเงินค่าขยะมูลฝอย 5 ฉบับ ฉบับละ 150 แผ่น
สิ่งที่ได้เรียนรู้
1. โปรแกรมบันทึกเงินเดือน ผมได้มีโอกาสช่วยพี่เค้าทำเนเดือนของพี่ๆพนักงาน(ที่เป็นลูกจ้าง)ที่ทำงานข้างนอก ซึ่งเป็นพนักงานประจำ โดยทำเรื่องเงินช่ยเหลือค่าครองชีพ

ปัญหา

ผมบันทึกข้อมูลผิดไปหึ่งรายแล้วโปรแกรมมันไม่ยอมให้ทำการแก้ไข พอถามพี่เค้าพี่ก็บอกว่าพี่ก็ไม่รู้เพิ่งเปลี่ยนมาใช้โปรแกรมนี้ทำเมื่อไม่นานมานี้

วิธีแก้ไขปัญหา

ผมลองผิดลองถูกกับโปรแกรมอยู่พักนึงจึงพบวิธีแก้ โดยการ ลบข้อมูลที่บันทุกผิดผลาดออกก่อน จากนั้นจึงทำการบันทึกเข้าไปใหม่

รายงานความคืบหน้าการเข้าฝึกงาน

บันทึกการปฎิบัติงานสัปดาห์ที่ 1 ระหว่างวันที่ 2 - 6 พฤศจิกายน 2552

สถานที่ฝึกงาน : สำงนักงานเขตบางพลัด (ฝ่ายรักษาความสะอาด)

-พิมพ์รายงานกรตัดแต่งต้นไม้ 3 ฉบับ
-พิมพ์รายงานการปฏิบัติงานของรถน้ำอเนกประสงค์ 4 ฉบับ
-พิมพ์ใบบันทึกข้อความต่างๆ 6 ฉบับ
- ส่งแฟกซ์ 1 ฉบับ
-รับแฟกซ์ 2 ฉบับ
-เดินเอกสารตามฝ่ายต่างๆ 5 ครั้ง
-รับโทรศัพท์ติดต่องาน 7 ครั้ง


สิ่งที่ได้เรียนรู้
1. รู้จักฝ่ายต่างๆ ในสำนักงานเขต เช่น ฝ่ายปกครอง ฝ่ายรายได้ ฝ่ายการคลัง ฯลฯ อยู่ตรงไหน ชั้นไหน
2. ได้เรียนรู้วิธีการรับโทรศัพท์ในการติดต่องาน ว่าต้องพูด ต้องถามอะไรยังไงบ้าง
3. ได้รู้จักพี่ๆในฝ่ายทุกๆคน
4. ได้เรียนรู้วิธีกรถ่ายเอกสาร ทั้งการเปลี่ยนกระดาษเวลากระดาษหมด เลากระดาษติด เปลี่ยนขนาดกระดาษ การถ่ายเอกสารหน้าหลัง การถ่ายเอกสารทั้งชุด ฯลฯ
5. ได้เรียนรู้การพิมพ์แบบบันทึกเพื่อแจ้งต่อฝ่ายต่างๆ

ปัญหา

ช่วงแรกๆที่รับโทรศัพท์ติดต่องานยังไม่รู้ชื่อพี่ๆในฝ่ายทุกคนเวลาเรียกเลยเอ๋อๆ เพราะไม่รู้ว่าต้องเรียกไปทางพี่คนไหนแน่ การถ่ายเอกสารที่เป็นแบบต้องถ่ายทั้งด้านหน้าและหลังนั้นก็ยังมีสับสนถ่ายผิดอยู่บ้าง


วิธีแก้ไขปัญหา
จดจำชื่อพี่ๆทีละคนจนจำได้ และวิธีถ่ายเอกสารก็ขอให้พี่ๆช่วยสอนให้

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551

คุณทำดีพอแล้วหรือยัง?

บทความนี้เป็นบทความแรกนะครับที่ผมเขียนขึ้นเองเพราะเป็นความรู้สึกจากใจจริงๆ วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ระหว่างที่ผมรอเพื่อนที่กำลังเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวอยู่นั้น ในมหาวิทยาลัยของเรานี่เองครับ พอจะทราบกันไหมครับว่าผมเห็นอะไร? (ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนนะครับถ้าผมจะใช้คำที่ไม่สุภาพไปบ้าง)ผมเห็นคุณแม่จูงลูกของเค้าซึ่งน่าจะพิการทางสายตา มาเรียนที่มหาวิทยาลัยครับ ในใจผมก็เลยคิดว่าขนาดคนที่พิการทางสายตาเค้ายังอยากที่จะมาเรียน ยังอยากที่จะใฝ่หาความรู้ แม้จะยากลำบากแค่ไหน แล้วตัวเราล่ะ? ทำอะไรอยู่ ตั้งใจเรียนแล้วหรือยัง? แล้วยังคุณแม่ของนักศึกษาคนนั้น คุณแม่ ผู้ซึ่งเสียสละ ทั้งแรงกาย แรงใจและเวลาเพื่อให้ลูกอันเป็นที่รักได้มีการศึกษา เค้าค่อยๆจูงลูกของเค้าพาเดินออกจากมหาวิทยาลัย(ซึ่งน่าจะกลับบ้านแล้ว) คุณก็รู้สึกได้ถึงความรักของแม่ด้วยใช่ไหมครับว่า ถึงแม้วันหนึ่งถ้าเราจะพิการหรือเป็นอะไรไป ก็ยังมีคนที่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีวันทิ้งเราเป็นอันขาด นั่นก็คือ คุณพ่อ และคุณแม่ของเรานั่นเอง แม้ว่าในวันนี้เราอาจจะยังไม่เห็นแต่ ถ้าวันนึงคุณเดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมาจริงๆเชื่อเถอะครับว่า คุณแม่ของคุณจะเป็นยิ่งกว่าคุณอีก ฝากเอาไว้ให้คิดกันนะครับ ^^

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

บทความที่ชื่นชอบ

คุณค่าของเวลา

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามนักเรียนที่สอบไล่ตกถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าเพียงใด .. ให้ถามมารดาที่ต้องคลอดบุตรก่อนกำหนดถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 สัปดาห์มีค่าเพียงใด .. ให้ถามบรรณาธิการหนังสือรายสัปดาห์ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าเพียงใด .. ให้ถามคู่รักที่ต้องรอเวลาจะพบกันถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 นาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทางหรือเครื่องบินถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิดถ้าอยากรู้ว่าเวลาในเสี้ยววินาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้เหรียญเงินเวลาไม่เคยคอยใคร .. เราควรใช้ทุกขณะอันมีค่ายิ่งให้ดีที่สุดจงแบ่งปันเวลาให้กับใครบางคนที่เป็นคนพิเศษที่เรารัก


ความรักของคนตาบอด


คุณเคยเห็นคนตาบอดไม๊ ? คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่.... คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ เช่น..ตลาดนัด... พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง... คนสองคน...ที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด.เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่... นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆเครื่องนึง... กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้ ก็คือขันอลูมิเนียม... อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน.. ผมไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนักหรอก.. แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน... และดูเหมือนเขาก็ หวัง ว่าคุณจะต้องชอบมัน... ผมเห็นเขาจับมือกัน... วินาทีนั้น...ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด.. คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า.... ตนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ...เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า... คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร.. คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น. เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน.... ไม่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ให้กังวลใจ...เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้... ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน... ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน.. คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย " ใ จ " ล้วนๆ... ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น. คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง... คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก... คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน... พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ.... ? คุณรู้หรือเปล่า.....คนตาบอด จับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน... คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไม๊... ? ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี... หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่ การงาน ที่ดีเหลือเกิน... หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด... แต่พวกเราหลายๆคนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก... หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น.. เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ... อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้... ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า... วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน... ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข.... ตอนที่ผมเขียนกระทู้นี้อยู่...พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว... พวกเขาคงไม่มีงานที่ต้องทำดึกๆ เหมือนผมหรอก...คุณว่าไม๊ ?? ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆในวันนี้.... ผมเชื่อว่าครั้งหน้า.ที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น... คุณอาจมองเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น... ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ... เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้...


พ่อครับผมขอโทษ


หลังวาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป
“กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก"
สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผม
เพื่อให้คนคนหนึ่งใน ทุก ๆ ปีของวันนี้
. . . ก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ผมเดินออกจากบ้าน
ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม
เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม
ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว
ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ
โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
แต่แล้ว!!
ผมก็เห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด
"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที
"ไอ้เหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"
"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน"
พ่อเงียบ . . . ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา
ความโหโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า
"พ่อขอโทษ มานี่ . . . " พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า
"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร
ไม่ยอมลงจากบ้าน
เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้าใคร
หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมื่อผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา
ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
. . . 14 กุมภาพันธ์
ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ
ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน
ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี ผ้าเช็ดหน้าของผม
ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
"พ่อ ผมอยากขอโทษครับ"
พอผมหันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล
แม่วิ่งมากอดผม "พ่อเสียแล้วนะ"
ผมอึ้ง!!
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า
พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ
รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจามออกมา พ่อมองไม่เห็น
"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "
"ทำไมล่ะครับ"
"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง!
"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก
ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน
พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาดโอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว
พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก
แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำดีที่สุดแล้ว"
ผมกอดแม่ ร้องไห้
วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
"พ่อครับ ผมขอโทษ . . .

วันที่ 26 ก.ค. 2551

วันนี้อาจารย์นัดเดินการกุศล นัดเจอกันที่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้าล่ะรู้สึกว่าจะมีหลายชั้นปีมาร่วมเหมือนกันซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ เส้นทางการเดินก็จะว่าไกลก็ไกล จะว่าไม่ไกลมันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะ เดินจากลานพระบรมรูปทรงม้าตรงผ่านหอสมุดแห่งชาติมาแล้วเลี้ยวผ่านสวนสุนันทาแล้วก็จบด้วยการเข้าในมหาลัยฯพอมีเพื่อนๆมาเดินด้วยกันเดินไปด้วยคุยไปด้วยคงจะเพลินอ่ะนะมันก็เลยรู้สึกว่า แปบเดียวเอง ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ ถ้ามาเดินคนเดียวก็คงจะคิดว่าโหยยย !!! ไกลจัง ก่อนที่จะเริ่มเดินก็มีการแจกน้ำเต้าหู้กับขนมปังอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่ได้กิน(เพราะไม่ได้รับแจกเลย) และก็ได้น้ำเปล่ามา1ขวด(แต่ก็ไม่ได้ ทุกคนหรอกนะ บางคนก็ไม่เอาเอง แต่บางคนก็คงแจกไม่ถึงมั้ง แต่ผมได้นะอันเนี้ย) เพื่อนผมคนนึงได้รับแจกน้ำเต้าหู้ตอนหลังซึ่งพอมันกินปุ๊บมันก็บอกผมว่า โหยยย!! น้ำเต้าหู้หรือน้ำเชื่อมกันเนี่ยยยยย ผมก็เลยถามไปว่า เฮ้ยยย อะไรมันจะขนาดนั้นเลยหรอออ ผมจึงขอน้ำเต้าหู้ของมันมาชิมอึกนึง >..<” ใช่ครับพี่น้อง เป็นอย่างที่มันพูดจริงๆ แล้วเราก็เดินไปจนถึงที่หมายพอถึงที่อาจารย์ก็นัดรวมตัวกันที่โรงยิม(สนามบาสชั้น 2)เพื่อเช็คชื่ออีกครั้งก่อนกลับซึ่งก็มีได้รับแจก(อีกแล้วครับท่าน)คราวนี้เป็นขนมเค้กกะน้ำผลไม้(อานนี้ได้ทุกคนนะ อร่อยดีด้วย^^”)พอเช็คชื่อเสร็จแล้วก็เป็นอันจบภารกิจแยกย้ายกันกลับบ้านนนครับพี่น้อง

วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2551

ผศ.โรจนา ศุขะพันธุ์ ได้มาบรรยายเรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพ
ลักษณะของนักศึกษาที่ดีว่า : ต้องมีบุคคลิกดี , มีน้ำใจ , ใฝ่หาความรู้ , เชิดชูองค์การ , สมานสามัคคี ซึ่งอาจารย์ได้ยกตัวอย่างของ สถาบันคาร์เนกี้อินสติติวท์ออฟเทคโนโลยี ที่ได้สรุปถึงความสำเร็จที่ได้รับว่า "การมีบุคคลิกภาพและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานถึง 85% ในทางกลับกันคนที่เก่งแต่ทางเทคนิคในการทำงาน ประสบความสำเร็จเพียงแค่ 15% "
และสอนถึงการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองให้ดีจะทำให้งานมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นเพราะว่าแรกพบที่คนเราได้เจอกันนั้นเราก็จะเริ่มพิจารณาคนจากภาพนอกกันก่อนนั่นก็คือตั้งแต่หน้าตา ท่าทาง การแต่งตัว การพูดจาเป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความรู้สึกดีๆให้กับฝ่ายตรงข้ามจะเรียกว่าเป็นความประทับใจครั้งแรกก็ได้ ทำให้เพิ่มโอกาสการเจรจางานให้สำเร็จได้มากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2551

ได้เรียนเกี่ยวกับการฝึกทักษะภาษาอังกฤษและสารสนเทศ บรรยายโดย อาจารย์ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ ต้องประสงค์ได้พูดถึงเรื่องการทำ web blog ว่าweb blogคืออะไร และได้สั่งงานเให้นักศึกษาทำweb blog เพื่อเป็นการฝึกฝนทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและมีงานทำประวัติส่วนตัวเป็นภาษาอังกฤษหรือที่เรามักจะเรียกกันว่า Resume หรือ C.V. นั่นเองเพื่อเป็นการปูทางให้นักศึกษามีการฝึกทักษะภาษาอังกฤษเบื้องต้นในการที่จะออกไปทำงานได้

วันที่20 ส.ค.2551

วันนี้มีการจัดบู๊ตเพื่อโชว์ผลงานโครงการวิชาเตรียมฝึกฯ ที่เป็นโครงการที่แต่ละห้อง แต่ละตอนเรียนได้ไปแยกย้ายไปตรากตรำทำงานกันมามีการออกไปดูงานสถานที่จริง ถ่ายทำจริงไม่ใช้แสตนอิน ไม่ใช้ตัวแสดงแทน เพื่อที่จะศึกษาถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับธุรกิจในปัจจุบัน กลุ่มของผมทำโครงการ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากใยสับปะรด ที่ ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเตรียมงานครั้งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นประสบการณ์อย่างยิ่งเนื่องมาจากเป็นงานแรกที่ใหญ่มากๆตั้งแต่ที่ทำมา ตั้งแต่การจัดสถานที่รวมไปถึงการจัดบู๊ตของแต่ละโครงการเรียกได้ว่าอลังการงานสร้างมากๆแต่ก็ใช้เวลาในการเตรียมงานนี้มากพอสมควรทีเดียวเลยล่ะเป็นเพราะงานใหญ่คนที่ทำงานก็เยอะแยะไปหมด ห้องของผมได้รับมอบหมายให้จัดสถานที่ ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าคงจะตายแน่ๆเนื่องจากสถานที่ไม่สามารถที่จะเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าได้เนื่องจากก่อนหน้านี้จะมีคนมาเรียนอยู่ทำให้ไม่สามารถเคลียโต๊ะและเก้าอี้ออกไปได้ทำให้ต้องเร่งจัดก่อนเวลางานเริ่มประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแต่ก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆให้ความร่วมมือกันดีมีความสามัคคีมากงานเของห้องที่ได้รับผิดชอบมาจึงสำเร็จเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีซึ่งหลังจากนั้นก็ต้องจัดบู๊ตของตนเองให้เสร็จด้วย >__< ” ตายๆ เลยเป็นวันที่ยุ่งและก็เหนื่อยมากๆด้วย ตั้งแต่ตอนช่วงเช้าผมก็ได้ไปหาของอุปกรณ์ที่จะจัดตกแต่บู๊ตกับเพื่อนๆในกลุ่มซึ่งก็มีบางส่วนที่เตรียมไว้แล้วแต่ก็มีบางส่วนที่เตรียมไว้ไม่ทันจึงมาเตรียมตอนเช้าของวันงานกว่าจะเตรียมเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบๆเที่ยงแล้วผมกับเพื่อนๆจึงรีบมาที่งานอย่างเร่งรีบเพื่อที่จะได้มีเวลาเซ็ตบู๊ตของตนเองก่อนที่จะต้องไปทำงานในส่วนของงานห้องมีเวลาเซ็ตได้นิดเดียวก็ถูกเรียกตัวไปทำงานของห้องแล้วตอนแรกนึกอยู่ในใจว่าตายแน่ๆ คงจะทำไม่ทัน แต่สุดท้ายแล้วก็เร่งมือทำจนเสร็จสมบูรณ์จนได้ ^^ เล่นเอาเหงื่อตกเลยครับ แล้วก็งานเริ่ม จนถึงเวลาที่อาจารย์มาชมบู๊ตผมกับเพื่อนๆก็ได้ช่วยกันพรีเซนต์ให้อาจารย์ได้ฟัง รวมถึงอธิบายให้เพื่อนๆที่สนใจฟังด้วย ได้รับคำติชมมาก็เยอะได้เก็บเป็นประสบการณ์ในการทำงานครั้งต่อไป จนงานจบก็เก็บบู๊ตแล้วผมก็กลับมาบ้านนอนเป็นตายเลยจากการเหนื่อยทำงานมาทั้งวัน >__<”

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2551

วันนี้เป็นคราวของแขนงการเงินการธนาคาร ได้มีการเชิญวิทยากรจากบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก จำกัด (มหาชน) (SSEC) มาบรรยายเรื่องการออม อธิบายว่าทำไมเราต้องออม , ทำไมต้องลงทุน...ออมอย่างเดียวไม่ได้ , บอกเส้นทางสู่ความมั่งคั่ง , วิทยากรก็บรรยายได้ละเอียดเห็นภาพดีทีเดียวเลยครับ มีการยกตัวอย่างของตัววิทยากรเองประกอบการบรรยายด้วยมีการบรรยายให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้เงิน ใช้เงินซื้อของอย่างไรถึงจะคุ้มค่าควรจะออมเงินไว้ดีหรือจะเอาเงินเก็บไปลงทุนดีการวางแผนชีวิตในอนาคต

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

>_<" ย้ายที่เรียนแล้วววว >_<"

มาเรียนที่ตึกคณะวิทย์ครั้งแรกแถวๆตั้งฮั่วเส็ง(จามมะด้ายว่ามะไหร่)กว่าจะมาถึง(หารถมาค่อนข้างยากนะ0_O" เลยต้องนั่งรถแท็กซี่กันมา ประมาณ 4-5 คน)เฮ้อ!!เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นก็มีเรียนพอเรียนเสร็จยังไม่ทันได้ทานข้าวกันเลยก็ต้องรีบๆๆๆวิ่งไปเรียนวิชาเตรียมฝึกแล้ว(>_<")แบบว่าเป็นวันแรกด้วยที่ย้ายที่เรียนไปเรียนนอกมหาวิทยาลัย เลยแบบวุ่นวายกันน่าดู มีการปฐมนิเทศรับขวัญนักศึกษาที่ย้ายจากศูนย์การศึกษา(ศูนย์นอกมหาวิทยาลัย)ที่ย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย และก็มีการให้นึกถึงพระคุณแม่ พอเสร็จแล้วก็มีการให้อาจารย์ผูกข้อมือรับขวัญให้ เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียวล่ะ ^^"

@@ ครั้งแรกที่ได้เรียนวิชานี้ @@

ครั้งแรกเลยที่ได้เรียนวิชานี้ เจออาจารย์ที่โรงยิม จำได้ว่าวันนั้นมีการตรวจเครื่องแต่งกาย และ อาจารย์ก็ได้แนะนำหัวหน้าแขนงให้ได้รู้จักคือ ผศ.โรจนา ศุขะพันธุ์
ได้มาพูดเรื่อง ระเบียบการแต่งกายที่ถูกต้องของมหาวิทยาลัย ทั้งของนักศึกษาชาย และหญิง และหลังจากนั้นก็มีเรียนที่โรงยิมอีกครั้งถึงสองครั้ง และอาจารย์ก็ได้จัดรุ่นพี่ให้เป็นพี่รหัส ผมได้พี่รหัสน่ารักมากครับ ก็ถึงตอนนี้พี่เค้าก็คอยติดต่อมาอยู่เรื่อยๆครับส่วนใหญ่ก็ได้คุยกันทาง MSN ซะมากกว่า ก็คุยข่าวคราวสารทุกสุกดิบ แต่ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับพี่เค้าเพราะงานเยอะเหลือเกิน เหอๆ จากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่คณะวิทย์ที่ตั้งฮั่วเส็งครับ

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

๐๐ความรู้สึกที่มีต่อวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ๐๐




ใครหลายคนหรือแม้กระทั่งตัวผมเองในตอนแรกๆอาจจะคิดว่าวิชาเตรียฝึก ประสบการณ์วิชาชีพนี้เรียนไปทำไม ? ไม่ต้องเรียนไม่ได้หรอ? ไปฝึกงานเลยทีเดียวไม่ได้หรอ?การที่ได้เรียนวิชานี้ถึงการไปเรียนจะต้องเหนื่อยกับการเดินทางในการไปเรียนบ้างแต่ผมเองก็รู้สึกว่าวิชานี้เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ดีทีเดียวถึงงานที่มีให้ในวิชาจะเยอะไปบ้างแต่ก็ทำให้ได้รับความรู้อะไรแปลกๆใหม่ๆเพิ่มเข้ามาในชีวิตที่มีแต่การเรียนเพียงอย่างเดียว มีวิทยากร สลับผลัดเปลี่ยนกันมาให้ความรู้และเล่าประสบการณ์ในชีวิตของวิทยากรแต่ละท่านทำให้เราได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่าง
งานที่เพิ่งผ่านไปล่าสุดสดๆร้อนๆนี่เองก็คืองานโครงการ เป็นงานที่ใช้เวลาเตรียมงานนานมากๆ ตั้งแต่ งานเปเปอร์ ที่เป็นตัวรายงาน ไปจนถึงการจัดบู๊ต เพื่อโชว์งานที่ทำ ทุกๆอย่างในการทำโครงการชิ้นนี้กว่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ ก็ต้องอาศัยทั้งความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และความร่วมมือจากหลายๆคน ทั้งเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนๆในห้อง และเพื่อนๆต่างห้อง รวมไปถึงอาจารย์หลายๆท่านด้วยกัน ซึ่งงานแต่ละชิ้นที่เราได้รับมอบหมายมานั้นก็เป็นการฝึกเราไปด้วยอย่างหนึ่ง ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกการคิด การทำงานอย่างเป็นระบบ ฝึกการรับผิดชอบงานกับผู้อื่น ฝึกการประสานงานกับผู้อื่นเป็นต้น ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีเพื่อนๆที่คิดเหมือนกับผมและถึงแม้จะมีเพื่อนๆบางคนที่ไม่ชอบวิชานี้แต่ถ้าได้อ่านบทความนี้แล้วก็อยากจะให้ลองคิดดูนะครับว่ามีอะไรที่คุณได้กลับมาบ้าง ^^